๐๙ กันยายน ๒๕๕๒

สูตรสมุนไพรในเมือง

จากที่บอกกับเพื่อนๆ ว่าจะมีสูตรน้ำผักมาบอกจากผู้ใหญ่ใจดี วันนี้เตรียมมาให้แล้วจ้า พร้อมเอกสารอ้างอิง หวังว่าผู้ที่รักสุขภาพทุกท่านคงได้รับประโยชน์จากสูตรนี้เพราะพิสูจน์ได้จากคนใกล้ตัวคือสามีและนำเอกสารนี้แจกให้เพื่อนๆ ที่รักสุขภาพเช่นเดียวกับเราแต่ค่อนข้างยาวหน่อยนะ ลองอ่านดูเพื่อเป็นวิทยาทาน

สูตรสมุนไพรในเมือง
หากท่านเจอโรคร้ายแรง คุณหมอบอกให้ทำใจก็อย่าเพิ่งท้อแท้สิ้นหวัง
เชิญอ่านข้างล่างนี้ ยังมีทางเลือก …


เมื่อลูกข้าพเจ้าป่วยด้วยโรคร้ายและเรื้อรัง
โดยนางศิราณี เอกัคคตาจิต
38/31 บ้านธรรมรัตน์ ซอยธานี 11 ถนนธานี ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัด บุรีรัมย์ 31000
โทรศัพท์ / โทรสาร (044) 615-040

ครอบครัวเรามีลูก 4 คน ผู้ชายล้วน พ่อบ้านชื่อ น.พ. ศิริพงษ์ เอกัคคตาจิต รับราชการทำงานโรงพยาบาลบุรีรัมย์ จบแพทย์จุฬาฯ รุ่น 24 ปัจจุบันเป็นผู้ช่วยผู้อำนวยการ ซี 9 ข้าพเจ้าเป็นแม่บ้าน เต็มขั้น
และความไม่เที่ยงก็เกิดขึ้นเช้าวันที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2540 ตื่นเช้ามาดูลูกคนที่ 3 ชื่อ ศักดา เอกัคคตาจิต เขาบอกยืนได้ขาข้างเดียว เจ็บข้อเท้าและเข่ามาก เราก็ไม่คิดว่าเป็นอะไรมาก เป็นจังหวะใกล้จะเปิดเทอมแรกของการเข้ามหาวิทยาลัย เขาเรียนแพทย์ศิริราช โดยสอบเข้าโควต้าแพทย์ศิริราช และสอบแข่งขันวิชาเคมีของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้ที่ 1 เมื่อปี พ.ศ. 2538
ไปนอนป่วยอยู่โรงพยาบาลศิริราช 2 อาทิตย์ หมอให้ยาแก้ปวด แล้วดูอาการ ให้ใช้ไม้เท้าไปเรียนได้ 2 อาทิตย์ ปรากฏว่าอาการกำเริบ อาการเจ็บขยายมาที่หัวไหล่ทั้ง 2 ข้าง ต้องเข้าโรงพยาบาลอีกครั้งหนึ่ง
ครั้งนี้หมอตรวจอาการแล้วถามข้าพเจ้าว่ามีลูกกี่คน ตอบว่ามี 4 คน คนโตทำงานแล้ว คนที่ 2 เรียนแพทย์ขอนแก่น คนป่วยเป็นคนที่ 3 รู้สึกหมอที่ถามมีสีหน้าดีขึ้นเพราะเขารู้แล้วว่าโรคที่ลูกเป็นนี้เข้าข่ายปวดข้อจูวีหน่ายรูมาตอย เพราะเจ็บข้อก่อนอายุ 17 ปี ซึ่งค่อนข้างร้ายแรง เพราะแม้แต่สถิติการรักษาต่างประเทศก็ยาก มีให้ได้ก็ยาแก้ปวดเท่านั้น เป็นมากหลายปีหน่อยก็จะพิการได้
หมอที่รักษาเขาก็บอกให้แม่ทำใจและให้ยาแก้ปวดมากินที่บ้าน ความรู้สึกของแม่แทบล่มสลาย วันแล้ววันเล่าไม่มีวี่แววว่าจะดีขึ้น จุกปวดกระเพาะอาหารขนาดหนักเพราะกินยาแก้ปวด กินยาเคลือบกระเพาะอาหารเต็มที่ก็ยังเจ็บท้องอยู่ นรกบนดินเป็นเช่นนี้เอง กินยาแก้ปวดข้ออย่างแรงเช้าเย็น แก้ได้ชั่วคราวต้องกินประจำ แม้ปวดกระเพาะอาหารก็ต้องกิน เจาะเลือดทำอีเอสอาร์อยู่ระหว่าง 50-90 มม./ชม. ซึ่งค่าปกติไม่เกิน 20 มม./ชม. กินยามากจนหูอื้อ แต่ก็ยังไม่ดีขึ้น
ช่วงนี้เขาก็ไปอยู่วัดกับหลวงพ่อ 5-6 เดือน ทำเรื่องลาเรียน 1 ปี ระยะนี้ขาเริ่มลีบเพราะเจ็บ ข้อเท้ามากต้องนอนกับที่ เราเป็นชาวพุทธ ช่วงไหนที่จิตมีสมาธิก็อธิษฐานขอให้ลูกได้พบหนทางรักษาที่ถูกต้องด้วยเถิด จะได้หยุดยาแก้ปวดนี้เสียที ชีวิตที่เหลืออยู่นี้จะขวนขวายทำแต่ความดี
แล้วโชคก็มาถึง วันที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2541 ดร. พรพรรณ และคุณแฉซึ่งเป็นญาติกับอาจารย์นิศา เชนะกุล ได้มาที่บ้านเพื่อไปกราบหลวงปู่ที่วัดเขาน้อย เขามาเห็นลูกชายป่วย เขาก็แนะนำให้ทานนมธัญญพืช และน้ำผักปั่น โดยทานนมธัญญพืชก่อนอาหารวันละ 1 แก้ว และน้ำผักปั่นวันละ 4-5 แก้ว ทานได้ 20 วัน หมอก็ให้เจาะอีเอสอาร์ดู ปรากฏว่าอีเอสอาร์ลดเหลือ 36 มม./ชม. ลูกชายก็ร้องออกมาว่าเขาคงรอดตายและหายได้
จากการทานอาหารนี้ก็เริ่มมีกำลังใจ รับประทานนมธัญญพืชและน้ำผักปั่นมากขึ้น กินนมธัญญพืชและน้ำผักปั่นอย่างละ 6-7 แก้วทุกวัน และแช่น้ำร้อนสลับน้ำเย็นอย่างละ 3 นาที และเริ่มไปอยู่วัดอีกเพื่อจะได้อยู่กับธรรมชาติ นอนหัวค่ำ (3 ทุ่ม) และรับประทานเนื้อสัตว์ให้น้อยที่สุด พอทานได้ 1 เดือน ก็หยุดยาทุกชนิด อีเอสอาร์ก็ลดลงเรื่อย ๆ เหลือ 20 มม./ชม. ต่อมาก็เหลือ 12 ก็เท่ากับ คนปกติ เจาะอีกครั้งหนึ่งก่อนไปเรียนวันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2541 ค่าอีเอสอาร์เท่ากับ 1 มม. ต่อ ชม. เม็ดเลือดแดง จาก 33% เป็น 48% เม็ดเลือดขาว จาก 13,500 ก็เหลือ 6,500 พอเรียนไปได้ 5-6 เดือน เขาก็สามารถบริจาคเลือดให้กับโรงพยาบาลศิริราชได้ ญาติพี่น้องใกล้ชิดแม้นเพื่อนหมอด้วยกันก็รู้สึกเหมือนปาฏิหารย์ ใครจะคาดคิดว่าจะหายจากโรคด้วยอาหารดังกล่าวนี้
ข้าพเจ้าจึงต้องการเผยแพร่ให้ผู้ที่มีอาการปวดข้อเรื้อรังลองมาดื่มน้ำปั่นผักและนมธัญญพืชอย่างละ 8-12 แก้วต่อวัน เพื่อไม่ต้องเสียเงินเป็นจำนวนมากในการซื้อยาแก้ปวดข้อและยาป้องกันโรคกระเพาะอาหารเป็นแผล ซึ่งต้องสั่งซื้อจากต่างประเทศ ทำให้เสียดุลการค้าระหว่างประเทศ และให้นอนแต่หัวค่ำ 3 ทุ่ม ทำจิตใจให้เบิกบาน นั่งสมาธิ ถ่ายอุจจาระทุกวันโดยกินอาหารที่มีกากใย ซึ่งเป็นอาหารธรรมชาติที่ไม่ผ่านขบวนการปรุงแต่ง ได้แก่ เมล็ดธัญญพืช ผักสด ผลไม้สด ไข่ขาว ไม่กินเนื้อสัตว์ใหญ่ สัตว์ปีก กินแต่เนื้อปลา โดยนึ่งหรือต้ม ไม่ควรทอด เพราะจะมีไขมันมาก ไม่กินอาหารกระป๋อง เพราะต้องผ่านขบวนการปรุงแต่ง ทำให้เสียคุณค่าอาหาร ไม่นอนอยู่ใกล้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า โดยอย่าให้มีเครื่องทีวี วิทยุ เครื่องคอมพิวเตอร์ และตู้เย็นในห้องนอน ออกกำลังกาย ทำ กายภาพบำบัด เพื่อไม่ไห้กล้ามเนื้อลีบ ก็อาจหายจากโรคปวดข้อเรื้อรังและไม่มีความพิการของแขนขาข้างที่ปวดข้อได้โดยปกติ

สูตรน้ำผักปั่น

1. ผักกาดหอม 2 ใบ (กล้ามเนื้อกระดูก เส้นเอ็น และทำให้ปอดแข็งแรง)
2. คึ่นฉ่าย 2 ก้าน (ช่วยการหมุนเวียนโลหิตและหลอดเลือดแข็งแรง)
3. มะเขือเทศ 1 ลูก (เม็ดเลือดแข็งแรง)
4. หอมใหญ่ ¼ ลูก (หัวใจแข็งแรง)
5. น้ำผึ้ง 2-3 ช้อนโต๊ะ (ให้พลังงานรวม) หรือน้ำตาลทรายแดง หรือน้ำอ้อยสด
6. น้ำมะนาว 1 ลูก (ช่วยฟื้นฟูภูมิคุ้มกัน)
7. แอปเปิ้ล 1 ลูก หรือกล้วยน้ำว้า ชมพู่ สับปะรด แตงโม ลูกท้อ แคนตาลูป
8. น้ำเปล่า 2-4 แก้ว

วิธีล้างผัก ข้อควรระวังเรื่องการล้างสารพิษตกค้าง
น้ำส้มสายชู 1 ช้อนโต๊ะต่อน้ำ 1 ลิตร แช่ผัก 1 ก.ก. นาน 45 นาที กรณีพืชผักผลไม้มากควรใช้อ่างใบใหญ่ และแช่พืชผักในอ่างที่ผสมน้ำส้มสายชู แล้วเมื่อล้างเสร็จแล้วปั่นกินได้เลย ผักเหลือแช่ตู้เย็นไว้ปั่นวันหลัง
ปั่นส่วนผสมทั้งหมดแล้วต้องกินทันที ถ้าจะเก็บต้องแช่ตู้เย็นไว้ ไม่ควรทิ้งไว้นานเกิน 1 วัน

สูตรนมธัญญพืช

1. เม็ดบัว 1 ส่วน
2. ลูกเดือย 1 ส่วน
3. ข้าวกล้อง 1 ส่วน

วิธีทำ แช่เม็ดบัวและลูกเดือยในน้ำร้อน 2 ชั่วโมง แล้วนำไปต้มจนสุกประมาณครึ่งชั่วโมง หุงข้าวกล้องจนสุก แล้วเอามาอย่างละ 1 ขีด หรือ 100 กรัม ปั่นจนเข้ากันดีใส่น้ำสะอาดต้มสุกพออุ่นพร้อมกัน จะได้นมธัญญพืชที่มีคุณค่าอาหาร ดื่มได้เลย แต่มันจะจืด ถ้าใส่นมไวตามิลคนให้เข้ากันจะได้นม ธัญญพืชที่หวานตามจำนวนที่ใส่ตามต้องการ ถ้าต้องการเก็บเม็ดบัวและลูกเดือยที่ต้มสุกแล้วเอาไว้ปั่นกับข้าวกล้องวันหลัง ให้แช่ไว้ช่องแข็งในตู้เย็น จะสามารถเก็บไว้ได้นาน

สูตรอาหารเพื่อสุขภาพ

น้ำผลไม้ แอปเปิล / ชมพู่ / สับปะรด / กล้วย / แตงโม / ลูกท้อ / แคนตาลูป / มะปราง
มังคุด / ส้มโอ + น้ำผัก
ซุปผักโขม ผักโขม ½ กก., หอมใหญ่ 2 หัว, มะเขือเทศ 2 ลูก, เต้าหู้ + ข้าวกล้อง + เกลือ
ซุปกระหล่ำปลี กระหล่ำปลี ½ กก., เห็ด 1 ขีด, หอมใหญ่ 2 ลูก, มะเขือเทศ 2 ลูก
ซุปผักหวาน ผักหวาน + หอมใหญ่ + มะเขือเทศ + เห็ด ปรุงด้วยซีอิ้วขาว
ซุปข้าวโพด ข้าวโพด + หอมใหญ่ + มะเขือเทศ + ข้าวกล้อง + เกลือ
ซุปกวางตุ้ง ผักกวางตุ้ง + หอมใหญ่ + มะเขือเทศ + เห็ด + ข้าวกล้อง
ซุปเต้าหู้ เต้าหู้ + หอมใหญ่ + มะเขือเทศ + เห็ด + ข้าวกล้อง
ซุปเห็ด เห็ด + หอมใหญ่ + มะเขือเทศ + ข้าวกล้อง
ซุปดอกกระหล่ำ ดอกกระหล่ำ + หอมใหญ่ + มะเขือเทศ + เห็ด + ข้าวกล้อง

รายการอาหารเพื่อสุขภาพ

อาหาเช้า ผักกาดหอม 2 ใบ, คึ่นฉ่าย 2 ก้าน, มะเขือเทศ 1 ลูก, หอมใหญ่ ¼ ลูก
ต่อน้ำ 2 แก้ว + น้ำผึ้ง + มะนาว ถ้าไม่อิ่ม ตามด้วยปลาทุกชนิด แกงเลียง
ข้าวซ้อมมือ ผลไม้ ส้มโอ มังคุด สับปะรด ชมพู่
อาหารเที่ยง น้ำผัก ปลาต้มยำ ข้าวซ้อมมือ ผัดผัก ตามด้วยผลไม้
อาหารเย็น น้ำผัก ปลานึ่ง ผัดผักบุ้ง ข้าวซ้อมมือ ตามด้วยผลไม้
ของห้าม น้ำอัดลม, เครื่องดื่มชูกำลัง, ชา, กาแฟ, กะทิ, ทอฟฟี่, ไอศกรีม, เนย, ชีส
ขนมเค้ก, คุกกี้, เนื้อหมู, เนื้อวัว, เป็ด, ไก่, กุ้ง, หอย, ปู, ปลาหมึก, ชะอม
เครื่องในทุกชนิด, อาหารกระป๋อง, น้ำตาลทรายขาว, อาหารขัดผิว, สะตอ
ลูกเนียง, กระถิน, หน่อไม้, คะน้า, แตงกวา, ขนมจีน, ก๋วยเตี๋ยว, ทุเรียน
มะม่วง, ละมุด, ลำไย

อาหารที่งดควรทดลองควบคุมอย่างน้อย 7-14 วันติดต่อกัน ท่านจึงจะเห็นผลการดำเนินการฟื้นฟูของร่างกายอย่างชัดเจน โดยไม่ต้องอาศัยสารเคมีเพื่อการบำบัด หรือระงับอาการของโรค แต่ สารอาหารจะไปช่วยให้ร่างกายผลิตสารเคมีดังกล่าวขึ้นมาเอง และเป็นไปอย่างมีความเหมาะสมในระยะหนึ่งของร่างกาย ที่แสดงอาการดีขึ้นของโรคโดยตลอด บางครั้งจะมีอาการปวดเกิดขึ้นเป็น ครั้งคราว และหายได้เองในที่สุด ควรทดลองด้วยตัวท่านเอง จะพบกับความมหัศจรรย์ของร่างกาย ทุกคน

หมายเหตุ เมื่อป่วย ท่านต้องปรึกษาแพทย์ใกล้บ้านท่านแล้วทานอาหารนี้เสริม

สูตรอาหารนี้หากท่านทานอย่างเคร่งครัดแล้ว ภูมิต้านทานโรคในตัวท่านจะแข็งแรง ท่านจะดีขึ้นได้ ไม่ว่าท่านจะเป็นโรคอะไรก็ตาม
สงสัย สอบถามได้ที่ โทรศัพท์ (044) 615-040, (02) 394-4267
ปัจจุบัน สิงหาคม 2542 ศักดา เรียนอยู่ศิริราช ปี 2 เกรดเฉลี่ย 3.1
………………………………………..

น้ำผักรักษาโรค
เมื่อโรคเก่าหวนกลับมาอีกครั้ง
โดยนางรัชดา ปุญญปรมัตถ์
14/2 ถนนนคร อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ 31000 โทร. (044) 612-428

ผู้เขียนเป็นข้าราชการบำนาญ มีอายุ 51 ปี ลาออกจากราชการตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2542 โดยมีความมุ่งหวังอยากจะเปลี่ยนเส้นทางชีวิต ไปบริหารงานโรงเรียนอนุบาลเอกชนแห่งหนึ่ง ด้วยใจรักและมุ่งมั่นที่จะทำให้ดีที่สุด แต่ในที่สุดก็ไม่สามารถทำได้ดังหวัง…
เมื่อประมาณแปดปีที่แล้ว ผู้เขียนป่วยเป็นโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง ได้รับการบำบัดจากแพทย์โรงพยาบาลศรีนครินทร์ จังหวัดขอนแก่น ด้วยวิธีเคมีบำบัด 10 ครั้ง และพร้อมกันนั้น ก็ได้อุทิศร่างกายให้แก่คณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่นด้วย โดยคิดว่าไหน ๆ ก็จะตายอยู่แล้ว ไม่ช้าก็เร็ว เอาร่างไปเผา หรือฝังก็คงไม่เกิดประโยชน์อะไร ถ้าให้เขาเอาไปศึกษาหาความรู้ก็คงจะมีคุณค่ามากกว่า
ในขณะที่เริ่มให้เคมีบำบัดนั้นก็ได้มีโอกาสไปปฏิบัติธรรมวิปัสสนากรรมฐานกับคุณแม่ดร.สิริ กรินชัย ส่งผลให้คลายความเจ็บปวด ทุกข์ทรมานลงได้มาก และก็ได้พยายามปฏิบัติ เจริญสติ เรื่อยมา และมีโอกาสก็จะเข้าวัด รักษาศีล ฟังธรรมอยู่เสมอ แต่ความทุกข์ย่อมไม่ละไปโดยง่าย วิบากกรรมยังคงส่งผลต่อไป
หลังจากที่สนุกและทุ่มเทกับงานใหม่ที่รักได้ประมาณ 6 เดือน สุขภาพเริ่มทรุดโทรม น้ำหนักตัวลดลงอย่างรวดเร็ว เหนื่อย อ่อนเพลีย มีอาการคล้ายกับเมื่อคราวที่เริ่มป่วยเป็นมะเร็งครั้งแรก จึงได้ไปตรวจกับคุณหมอประจำที่โรงพยาบาลศรีนครินทร์ ขอนแก่น เมื่อเดือนตุลาคม 2542 พบว่าผลของการตรวจเลือด มีตัวบ่งบอกว่ามีแนวโน้มกลับไปเป็นมะเร็งได้อีก คือมีค่าลิมโพไซท์ถึงร้อยละ 85 และตรวจพบว่ามีไวรัสชนิด ซี ในตับอีกด้วย คุณหมอจึงแนะนำให้พักงาน และนัดให้ไปพบทุกเดือน อาการที่เป็นอยู่อย่างต่อเนื่องก็คือท้องอืด ปวดในช่องท้อง คุณหมอก็สั่งให้ทานยาลดกรดอยู่เป็นประจำวันละ 3 เม็ด
เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2542 พบว่ามีต่อมน้ำเหลืองที่คอโตขึ้น คุณหมอแผนกอายุรศาสตร์ ส่งให้คุณหมอศัลยกรรมตัดชิ้นเนื้อพิสูจน์ แต่คุณหมอศัลยกรรมขอให้รอดูอาการก่อน การเร่งตัดชิ้นเนื้ออาจมีผลถึงการทำงานของตับได้
วันที่ 26 กุมภาพันธ์ – 5 มีนาคม 2543 ได้มีโอกาสเข้าร่วมอบรมปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน เจริญสติแบบเคลื่อนไหว ซึ่งจัดโดยพุทธสมาคมจังหวัดบุรีรัมย์ และคุณฉัตร-คุณอรชร เชี่ยวชาญวิศวกิจ ณ สวนธรรมเทียนสิริ ในระหว่างที่อบรมนั้น คุณฉัตรได้ปั่นน้ำผักถวายพระ และได้ให้ผู้เขียนได้ รับประทานด้วย เมื่อได้เห็นสูตรปั่นน้ำผักของดร. รสสุคนธ์ พุ่มพันธ์วงศ์ ซึ่งคุณศิราณี เอกัคคตาจิต ได้กรุณานำมาเผยแพร่ให้เป็นธรรมทานแก่คณะผู้อบรม พิจารณาดูแล้วเป็นเรื่องง่ายมากหากจะปั่น รับประทานเองเป็นประจำ เพราะดูแล้วน่าจะช่วยบำรุงร่างกายให้แข็งแรง และบรรเทาอาการท้องอืด ท้องผูกได้บ้าง
หลังจากกลับมาถึงบ้าน ก็ได้เริ่มปั่นน้ำผักตามสูตรที่ได้มา โดยได้รับประทานกันทั้งครอบครัว และยังปั่นแจกญาติพี่น้องข้างเคียงอีก 3 ครอบครัวได้รับประทานกันอย่างต่อเนื่องมาเป็นระยะเวลา 1 เดือนเศษ แล้วหลังจากเริ่มรับประทานได้ประมาณ 1 สัปดาห์ก็เห็นผล คือ อาการท้องอืด จุก แน่น และท้องผูก ได้เริ่มลดลง และพอสิ้นสัปดาห์ที่ 2 ก็เริ่มหยุดยาลดกรด อาการเหนื่อยอ่อนเพลียค่อยหายไป ชั่งน้ำหนักครั้งหลังสุดขึ้นมา 4 กิโลกรัม (ต้นเดือนกุมภาพันธ์ 48 กิโลกรัม ต้นเดือนเมษายน 52 กิโลกรัม)
เมื่อครบถึงกำหนด คุณหมอนัดไปตรวจเมื่อต้นเดือนเมษายน ปรากฏว่าต่อมน้ำเหลืองที่คอยุบหายไป ขณะนี้เพื่อนพ้องน้องพี่ที่มีความเป็นห่วงเป็นใยมาพบเห็น จะทักตรงกันว่า ทำอย่างไรจึง อ้วนท้วนสดชื่นแจ่มใสขึ้นกว่าเดิม
ผู้เขียนคิดว่าผลน่าจะมาจากการรับประทานน้ำผักปั่น และการเจริญสติอยู่เป็นนิจ อีกทั้งหลีกเลี่ยงมลภาวะเป็นพิษทั้งปวง เลือกรับประทานอาหารที่เป็นประโยชน์ ประเภทผัก ปลา ลดการรับประทานเนื้อสัตว์ใหญ่ พักผ่อนให้เพียงพอ อยู่กับธรรมชาติ ต้นไม้ ดอกไม้ อากาศปลอดโปร่ง และที่สำคัญคือรักษาอารมณ์ให้เบิกบานแจ่มใส ไม่โกรธ ขุ่นข้องหมองใจ เคืองแค้น ทั้งภายในตนเอง และภายนอก มีเมตตาจิต คิดแผ่ส่วนบุญ กุศล อยู่เสมอ ก็จะส่งหนุนให้สู่ศานติสุขได้โดยแท้
ถึงแม้ผู้เขียน จะไม่สมหวังในสิ่งที่ตั้งใจที่ได้กล่าวข้างต้น แต่ก็ภูมิใจที่ได้พบหนทางสว่าง สงบ และสะอาด สามารถดำรงชีพอยู่ได้ตามอัตภาพ และอยากจะบอกกับผู้สนใจว่า ลองหันมาสร้างภูมิคุ้มกันให้กับชีวิตของเราด้วยวิธีง่าย ๆ ดังได้กล่าวมาแล้วจะดีไหม
หมายเหตุ ข้าพเจ้าดื่มวันละ 8 แก้ว แล้วมีอาการท้องเสีย และเจ็บปวดตามร่างกาย 2-3 วันแรก อย่า ตกใจกับอาการเหล่านี้ มันเหมือนเป็นการขับพิษ แล้วก็จะหายได้เองในที่สุด


เอกสารอ้างอิงดร. รสสุคนธ์ พุ่มพันธ์วงศ์
ความรู้เบื้องต้นเรื่องสุขภาพและธรรมชาติ
โดยชมรมบ้านสุขภาพ สมุทรปราการ และระยอง
เอกสารเผยแพร่ ปี 2540 โทรศัพท์ (02) 394-4267


babyboom-boom.blogspot.com

เติมเต็มส่งที่ขาดหายไป....ด้วยรอยยิ้ม


เห็นว่ามีแง่คิดดี ๆ จึงนำมาเล่าสู่กันฟังพร้อมกับอมยิ้มด้วยกัน บทความนี้ไม่ได้เขียนเองนะแต่มาจากเพื่อนๆ ที่ส่งมาให้ทาง Mail

๒๑ พฤษภาคม ๒๕๕๒

เรื่องใกล้ตัวที่คิดว่าทำไม่ได้

ใครว่าเราทำเองไม่ได้ ไม่มีการหวงสูตรเพราะปัจจุบันก็ทำใช้เองอยู่ สนใจก็ลองทำดูนะค่ะ
ราคาเปลี่ยนไปตามภาวะตลาดนะค่ะ (เป็นการประมาณการจากที่ทำมา )
และขอบอกว่าผู้เขียนไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับบริษัทฯที่ขายวัตถุดิบใดๆทั้งสิ้น
เป็นการเล่าสู่กันกันฟังและไม่ต้องไปเดินหาเพราะมีเบอร์โทรและชื่อร้านให้ด่านล่างแล้ว
และขั้นตอนการทำนั้นจากประสบการณ์จริงๆนำมาเขียนให้
ถ้าทำตามขั้นตอนที่เขียนรับรองง่ายยิ่งกว่าปอกกล้วยเข้าปากเสียอีก...

ผลิตภัณฑ์ล้างจาน
วัตถุดิบ ปริมาณ ราคา/บาท
1 น้ำสะอาด 10 กก. -
2 ผงฟอง Emal 10 P 3 ขีด 36.00
3 ผงข้น 1/2 กก. 6.00
4 หัวแชมพู Emal 270 N 1 กก. 73.00
5 สารขจัดคราบไขมัน Neopelex F50 1 กก. 59.00
6 สารกันบูด 13 กรัม 10.00
7 หัวน้ำหอม 25 กรัม 21.00
*ถ้าต้องการ*
- สี (ตามต้องการ) - 2.50
- ถนอมมือ 2 ขีด 7.00

รวม 12.93 กก. 214.50
ราคาเฉลี่ยต่อ 1 กก. 16.59

ขั้นตอนการผสม
1 นำผงฟอง (Emal 10P) ละลายในน้ำประมาณ 9 กก. รีบกวนให้เข้ากันแล้วพักไว้ (การกวนให้กวนไปในทิศทางเดียวกัน)
2 นำผงข้นประมาณ 3 ขีด ละลายในน้ำร้อน 1 กก. กวนให้เป็นเนื้อเดียวกันแล้วนำหัวแชมพู (Emal 270 N) ผสมลงไป
กวนจนเป็นเนื้อเดียวกัน
3 นำขั้นตอนที่1 และขั้นตอนที่ 2 ผสมกัน โดยกวนเป็นเนื้อเดียวกัน
4 เติมสารขจัดคราบไขมัน (Neopelex F 50) กวนให้เข้ากัน
5 เติมหัวน้ำหอม
6 ปรับความหนืดตามต้องการ โดยเติมผงข้นที่เหลือ (2 ขีด) ค่อยๆ เทลงไประหว่างกวน
7 ใส่สี สารกันเสีย ถนอมมือ

หมายเหตุ : หาซื้อเคมีส่วนผสมได้ที่ :-
บริษัท ฮงฮวด จำกัด สำนักงานใหญ่ : 0 2225 8191-9
สาขารังสิต : 0 2536-4661-4
สาขาหนองแขม : 0 2421 9535-7


babyboom-boom.blogspot.com

๑๖ พฤษภาคม ๒๕๕๒

น้ำผักเพื่อสุขภาพ

การมีสุขภาพร่างกายดี ย่อมทำใหจิตใจดีไปด้วย จากประสบการของตัวเองซึ่งได้รับประโยชน์จากดื่มน้ำผักจากคนใกล้ตัวเลยคือสามีของดิฉันซึ่งเป็นโรคภูมิแพ้น้ำมูกใสๆ จะไหลตลอดเวลาซึ่งน่ารำคาญมาก ซึ่งดิฉันได้รับสูตรน้ำผักมาจากเพื่อนๆ ส่งมาให้ทางMail ส่วนวิธีทำและสูตรต่างๆ ดิฉันจะมาลงเพิ่มให้นะค่ะ และจะบอกแหล่งที่มาของผู้ใหญ่ใจดีด้วยค่ะ

๑๐ พฤษภาคม ๒๕๕๒

ยินดีต้อนรับสู่โลกการเรียนรู้

การเรียนรู้จากตนเองและจากประสบการณ์ของรู้มาก่อน ทำให้ต้องเหนื่อยจากค้นหาสักเท่าไหร่เพราะปัจจุบันได้รับจากสื่อต่างๆ ไม่ว่าหนังสือ อินเตอร์เน็ต และอื่นๆ อีกมากมาก